วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ท่าชกลมมือเปล่า

ท่าชกลม JABS ยืนตรงแยกขาออกให้กว้างเท่ากับความกว้างของไหล่ เอียงลำตัวเล็กน้อยเหมือนกำลังต่อสู้ เริ่มด้วยยกมือขึ้นกำหมัดมาอยู่ระดับไหล่ ใช้แขนด้านหน้าชกลมออกไป เกร็งแขนแล้วกลับมาในท่าเริ่มต้น แล้วทำซ้ำ ให้หยุดพักสั้นๆ ระหว่างการปล่อยหมัดของแขน แต่ละข้าง ทำให้จำนวนครั้ง เท่าๆกัน 
เป็นการฝึกความเร็ว และทำให้หมัด มีน้ำหนัก

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Amino Max8000


Gaspari Nutrition® AminoMax 8000 AMINOMAX 8000TM ของ Gaspari Nutrition เป็นส่วนผสมจากการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ โดยมีนมที่ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ (hydrolyzed lactalbumin) จากเวย์โปรตีน 91% รวมถึงโปรตีนที่ถูกย่อยให้อยู่ในรูปของโปรตีนโมเลกุลเล็ก (low molecular weight proteins) ได-/ไตร-เปปไทด์ (di-/tri-peptides) และกรดอะมิโนที่อุดมไปด้วยแอล-ลิวซีน (L-leucine) และแอล-ทอรีน (L-taurine) ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วว่าให้ประโยชน์กับนักกีฬาและนักเพาะกายได้มากกว่า
นี่เป็นสูตรพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อลูกค้าที่คำนึงถึงคุณภาพเป็นสำคัญ (educated consumer) มีประโยชน์สูงและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ซึ่งช่วยขยายพื้นที่ของกล้ามเนื้อที่จำเป็นต่อการเติบโตและบำรุงรักษาเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อลาย (skeletal muscle tissue) และมวลกล้ามเนื้อลาย (skeletal muscle mass) ต่างจากอาหารเสริมยี่ห้ออื่นที่ใช้เวย์โปรตีนชนิดคอนเซนเทรท (Whey Protein Concentrate) และชนิดไอโซเลต (Isolate) ที่มีโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่มาก AMINOMAX 8000TM  ใช้โปรตีนที่ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ (hydrolyzed protein) ที่อุดมไปด้วยได-/ไตร-เปปไทด์ที่ทำให้มั่นใจได้ถึงการดูดซึมที่แสนรวดเร็วที่ส่งตรงถึงกล้ามเนื้อของคุณ* นอกจากได-/ไตร-เปปไทด์ที่ให้ผลได้อย่างรวดเร็วแล้ว Gaspari Nutrition ยังเพิ่มแอล-ลิวซีน และแอล-ทอรีนเข้าไปใน AMINOMAX 8000TM มากเป็นพิเศษ เพื่อให้นักกีฬาที่มีความมุ่งมั่นได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการใช้อาหารเสริมควบคุมน้ำหนักของเรา   เห็นผลเร็วสุดๆ กับ AMINOMAX 8000TM *รายงานเหล่านี้ยังไม่ได้รับการประเมินจากองค์การอาหารและยา ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้มีไว้สำหรับการวินิจฉัย ป้องกัน และรักษาโรคใดๆ

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บริหารมือเปล่าคุณทำได้

เป็นท่าบริหารที่อาศัยความคล่องตัว หากคุณจำได้ ท่าฝึกเหล่านี้ จะคล้ายๆกับที่เราฝึกในตอนเช้า ตี5ของทุกวัน ของทหารเกณฑ์ครับ  คงไม่ยากเกินไปใช่ไหมครับ เป็นอีกคลิปที่เราสามารถทำตามได้ ไม่ยากเกินไปครับ ทำตาม ทั้งหมด ก็ได้เหงื่อดีไม่น้อยเลยทีเดียว แถมได้สุขภาพที่ดีอีกด้วยครับ รวมไปถึง หัวใจที่แข็งแกร่งครับ

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ยิ่งฝึกกล้ามเร็วยิ่งดี

สร้างมัดกล้ามทำไมต้องรอด้วย
สำหรับการสร้างกล้าม สไตล์ howtofit รับรองงานนี้ คุณได้โชว์กล้ามสวยๆแน่นอนครับ
ขั้นแรกให้คุณ วอร์มร่างกายด้วยการ กระโดดเต้นเชือก สัก 5-8 นาทีก่อน เพื่อวอร์มร่างกายให้อบอุ่น พร้อมกับการฝึกหนัก ต่อไป
การฝึกโปรแกรม กับเรา นอกจากการใช้เวลาน้อยที่สุดแล้วยัง ได้ผล คุ้มค่า ไม่เสียเวลา สำหรับคนที่มีเวลาน้อยเช่นคุณ

1 Double -Lunge Deadlift Combo
ยืนแยกเท้าออกเท่าความกว้างช่วงไหล่ ส่วนมือถือดัมเบลไว้ข้างลำตัว เร่ิมฝึกด้วยการก้าวและย่อตัวลงไปด้านหน้าในท่า Lunge ไปด้านหลัง  แล้วลุกขึ้นและยกเท้าขวาเตะไปด้านหลังค้างไว้เพื่อเตรียมทำท่า One Leg Deadlift เริ่มจาำกการโน้มลำตัว ช่วงบนตั้งแต่เอวไปด้านหน้า  ยืดอกไว้และไม่ห่อไหล่ ให้ถือดัมเบลไว้ในระดับเข่า จากนั้นออกแรงดันตัวขึ้น แล้วเปลี่ยนสลับเท้ายืนและฝึกอีกครั้ง ทั้งหมดนับเป็น 1 ครั้ง ฝึกจนครบ 9 ครั้ง
2 Dumbell Push Up ,Dumbell Row
จากท่าแรก ให้คุณถือดัมเบล ไว้ตามเดิม ตั้ท่าวิดพื้นโดยแยกมือออกเท่าความกว้างช่วงไหล่ เริ่มฝึกด้วยการงอข้อศอกเพื่อลดตัวลง จากนั้นในจังหวะขึ้นให้ยกตัวชึ้นด้วยแขน ซ้ายข้างเดียว  ส่วนแขนขวา ให้ยกดัมเบลขึ้นในท่า Row แล้วลดแขนขวาลงและฝึกอีกครั้งโดยเปลี่ยนสลับข้าง ฝึกครบสองข้างนับเป็น1 ครั้ง ฝึกจนครบ 9ครั้ง
3 Towel Pike
ตั้งท่าวิดพื้นโดยวางมือบนดัมเบล และแยกมือออกเท่าความกว้่างช่วงไหล่ ส่วนปลายเท้าทั้งสองข้างให้ืยืนบนผ้าขนหนู เริ่มฝึกด้วยการออกแรงจากกล้ามเนื้อท้องเพื่อสไลด์เท้าสองข้างมาด้านหน้า และหยุดเมื่อลำตัว ของคุณเป็นรูป "วีคว่ำ" แล้วย้อนกลับสู่ท่าเริ่มต้น ฝึกจนครบ 9 ครั้ง
จากบทความ Men Health ปี 2008

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วิ่งเพื่อลดไขมัน


 เหตุที่เราต้องออกมาวิ่งมาราธอนกันอย่างช้าๆในตอนต้น  ก็ด้วยเหตุว่า  การวิ่งช้านั้นเผาผลาญไขมันที่มีมากในร่างกาย  แต่ถ้าวิ่งเร็ว  ร่างกายก็จะดึงพลังงานมาจากสารกลัยโคเจนที่ร่างกายสกัดมาจากสารแป้งทั้งหลาย  ที่มันมักจะหมดเร็วก่อนถึงเป้าหมาย  แม้ว่ามันจะเป็นสารให้พลังงานที่ดี  แต่เราไม่สามารถบรรจุกลัยโคเจนได้มากนักในร่างกาย  เพราะมันมีกล้ามเนื้อและตับที่จำกัด
               ส่วนไขมัน  ดูๆยังไงมันก็ไม่ยอมหมดไปอย่างง่ายๆ ในมาราธอนหนึ่งๆเราสลายไขมันไปได้จี๊ดเดียวเอง  นักวิทยาศาสตร์รายงานว่า  เราไม่มีทางที่จะสลายไขมันให้เกลี้ยงไปจากร่างกายได้  แม้ว่า (ที่ไม่มีทางเป็นไปได้จริง) เราจะวิ่งไม่หยุดจนร่างกายสิ้นสภาพ ตายไปอย่างฟิดิปปิดีสในตำนานมาราธอน  เราก็ยังเหลือไขมันอีกพอสมควร  ฟิดิปปิดีสตายไม่ใช่เพราะไขมันหมด  แต่เขาตายเพราะอย่างอื่น
               มีนักวิทยาศาสตร์ เคยคำนวณ (ที่ไม่มีทางเป็นไปได้จริงอีก) ว่า ไขมันในร่างกายที่มีอยู่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กำลังงานเดินทางด้วยการวิ่งไปได้ไกลขนาดไหน  ก็ได้คำตอบว่า  วิ่งรอบโลกได้ถึง 2-4 รอบ  แล้วแต่ความแตกต่างของระดับไขมันในตัว
               จากความเป็นจริงอย่างนี้เอง  ทำให้มีการสรุปถึงการออกกำลังกาย เพื่อลดความอ้วนเพื่อลดน้ำหนัก หรือเพื่อสลายไขมันแล้วแต่จะเรียก ที่มีประสิทธิภาพว่า  จะต้องวิ่งให้ช้า (เพื่อผลาญไขมัน) ไม่ใช่วิ่งเร็วที่ไปเผาผลาญแป้งแทน  เป็นทฤษฎีที่เชื่อกันอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งทุกวันนี้
               ฟังๆดูก็สมเหตุสมผลดี           แต่ผิดครับ 
อ้าว..แล้วไง  จะต้องวิ่งให้เร็วหรือ ?      ใช่ครับ  ถ้านักวิ่งคนใดยังมีปัญหาควบคุมน้ำหนัก  ที่ขนาดยังวิ่งอยู่นี้ ก็ยังคุมน้ำหนักไม่ได้  นี่ก็วิ่งมาได้หลายปีแล้ว  น้ำหนักไม่เคยลดเลย  อย่างนี้ต้องลงคอร์ทครับ  ขอย้ำว่า  สมควรเป็นวิธีการลดน้ำหนักในรายที่วิ่งอยู่แล้ว  และไม่สมควรให้ไปทำในรายที่เพิ่งสลัดคราบ  Sedentarian  จากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาหมาดๆ  ค่าที่ว่าคุณจะเดี้ยง  ที่ไขมันก็ไม่ได้ลด  แถมได้อินจูรี่ติดกระเป๋ากลับบ้านอีกต่างหาก
               จากการศึกษาของ  Quebec’s Laval University  สถาบันที่มีชื่อเสียงในการวิจัยกับมีห้องแหลบที่เชี่ยวชาญศึกษากระบวนการเผาผลาญไขมันเป็นเอก  ได้รายงานผลการศึกษาในจุลสาร Metabolism  ที่ทางนักวิจัยได้ศึกษาจาก Subjects  หญิง 14 คน และ ชาย 13 คน  โดยเปรียบเทียบการออกกำลังกาย 2 ชนิด คือ แบบธรรมดา (ต่อเนื่องปานกลาง)  กับแบบ Interval – training (หนักสลับเบา)  โดยใช้อุปกรณ์ที่เป็นจักรยานอยู่กับที่ ในคาบระยะเวลา 20 สัปดาห์
               โดยให้กลุ่มแรก ปั่นแบบต่อเนื่อง นาน 30-45 นาที ที่ความเข้มราว 60-85% ของระดับอัตราชีพจรสูงสุด  และอีกกลุ่มหนึ่งปั่นแบบลงคอร์ท  ที่4-5X90 วินาที (ปั่นนาน 90 วินาที  จำนวนประมาณ 4-5 เที่ยว)  ในคาบระยะเวลาที่นานเท่ากัน  แต่เป็นที่ความเข้มราว 95%  ของชีพจรสูงสุด
               ผลวิจัยพบว่า  กลุ่มหลังสามารถเผาผลาญไขมันได้มากกว่าเยอะ ราว 3-4 เท่าของกลุ่มแรกทีเดียว  ในขณะที่ใช้ แคลลอรี่ไปน้อยกว่าครึ่งด้วยซ้ำ  การทดสอบนี้นักวิจัยวัดระดับไขมันจาก Skin-fold Caliper  ที่วัดความหนาของผนังท้อง , ไหล่ ,ต้นแขน , ต้นขา , หลังบน , หลังล่าง     เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้  นักวิจัยจากควีเบค
อธิบายว่า
               เพราะการออกกำลังกาย ชนิดเหนื่อยจัดมากๆ  แม้มันจะเผาผลาญกลัยโคเจน ให้หมดเร็วระหว่างฝึกหรือแข่งก็ตาม  แต่กระบวนการเมตาโบลิซึ่ม มิได้ยุติการทำงาน เพียงแค่จบสิ้นการออกกำลังกายเท่านั้น  แต่ยังต่อเนื่องไปหลังการออกกำลังกายอีกนานหลายชั่วโมง  ที่ตรงนี้เอง ร่างกายมิได้ใช้กลัยโคเจนอีกต่อไปแล้ว  แต่กลับใช้ไขมันแทน
               ถ้าเราจะสังเกตในวันที่เราฝึกลงคอร์ท , ในวันที่ฝึกหนัก , หรือในวันแข่ง  ที่เย็นนั้นคืนนั้น เราจะมีชีพจรที่เต้นเร็วกว่าปกติ  นั่นเป็นสัญญาณการเร่งกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร  เราจะรู้ได้แน่ชัดก็ต้องเก็บค่าสถิติชีพจรเต้นในวันฝึกเบาหรือวันหยุดเก็บไว้เพื่อเปรียบเทียบ
               เย็นนั้น  หลังจากที่คุณกินอาหาร ได้คาร์โบไฮเดรตใหม่เข้าไปให้ร่างกายแปลงเป็นกลัยโคเจนทดแทนที่หมดไปกับการออกกำลัง  แต่กระบวนการเผาผลาญต่อเนื่องจากที่วิ่งไปเมื่อเย็นนี้ ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง  โดยจะค่อยๆลดลงในคาบระยะเวลาที่นานมาก จนดึกดื่น เราหลับใหลไปแล้ว ไขมันก็ยังถูกเผาผลาญอยู่เรื่อยไปอย่างนี้ไงครับที่มันแตกต่างจากแบบจ็อกเบาเสมอ ที่แม้จะเผาผลาญไขมันมากกว่ากลัยโคเจนขณะนั้นก็จริง  แต่จบแล้วจบเลย  หลังจากนั้น กระบวนการเผาผลาญมิได้เผาผลาญต่อหรือต่อ แต่น้อย
               แต่ในความเป็นจริง ผู้ที่อยู่ในข่ายลดความอ้วนมักจะยังอ้วนอยู่ และผู้ที่ต้องการจะลดน้ำหนัก มักจะตัวหนักอยู่  จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะให้ผู้มีน้ำหนักและอ้วนมาฝึก  Interval Session  ลงคอร์ทหน้าตั้ง ซึ่งเป็นจำนวนมากทีเดียวมักจะไม่ใช่นักวิ่งที่มีประสบการณ์ ขายังไม่แข็งแกร่ง และอาจจะบาดเจ็บหากทำเช่นนั้น  ดังนั้นประเด็นก็คือให้ค่อยๆเขยิบแผนฝึกทีละน้อย  เหมือนหยดน้ำทีละหยดลงตุ่มด้วยความเพียร หรือออมสินวันละบาทจนเต็มหมู  แต่ไม่ว่าจะอ้วนใหญ่หรือหนักขนาดไหน ย่อมจะพ่ายแพ้แก่ความบากบั่น  ไม่มีอะไรที่เกินความสามารถมนุษย์ไปได้หรอก กัดไม่ปล่อยจนตัวตายก็มนุษย์  ขี้เกียจจนตัวตายก็มนุษย์  แล้วแต่เราจะเลือก
               ถ้าคุณฟังและปิ๊ง อยากลองวิธีนี้ดู  อย่างแรกที่แนะนำก็ให้ปรึกษาโค้ช หรือเพื่อนนักวิ่งผู้มีประสบการณ์น่าเชื่อถือได้ ให้ช่วยร่างแผนฝึกให้ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ร่างเอง โดยใช้หลักการจากน้อยไว้ก่อนที่ราว 60%ของชีพจรสูงสุด แล้วค่อยๆไล่เร็วขึ้นไปเรื่อยๆ  อย่ากระโดดไปที่ 90%เลย เดี๋ยวจะเจ็บ  ให้รู้จักบันยะบันยัง  และจัดการ แช่เย็น ความเข้มนั้นให้คงระดับเดิมนิ่งอยู่อย่าเพิ่มเข้าไปอีก ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายค่อยๆปรับและเรียนรู้กระทั่งซึมซับและควรจะให้มีแผนฝึก Interval  Session  นี้ เพียงวันเดียวในรอบสัปดาห์  ในชั้นต้น  ผู้เขียนอยากให้คุณเซ็ทวันหยุดเพิ่มจาก1 วันต่อสัปดาห์ เป็น 2 วัน แล้วค่อยๆปรับกลับมาอย่างเดิมภายหลังจากอะไรๆเข้าที่แล้ว
               สำคัญอีกเรื่อง  อย่าเพิ่งเบื่อ คือ ต้องยืดเส้น และวอร์ม-อัพก่อนเสมอ  คือ วิ่งช้าๆแบบห้ามเหนื่อย นานราว 20 นาที ก่อนลงมือ และอีกครั้งแบบเดียวกันเมื่อหลังฝึก แต่เราเรียกว่า คูล-ดาวน์  อย่าลัดขั้นตอนเป็นอันขาด

แอลคานิทีนคืออะไร

แอลคานิทีน คืออะไรวันนี้มีคำตอบ ให้คุณได้ทราบกันครับ
เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ร่างกายจะได้รับจากอาหารที่รับประทาน และได้รับจากการ
สังเคราะห์ขึ้นมา

L-Carnitineสังเคราะห์มากจากกรดอะมิโนไลซีน ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นมา
เองได้ โดยใช้ Vitamin B6 ,B5 ,Vitamin C ,เหล็ก และกรดอะมิโนเมไทโอนีน
ส่วนแหล่งอาหารที่มี Carnitine ร่างกายจะได้รับมาจากเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ  โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งเนื้อแดง เช่นเนื้อวัว และเนื้อหมู

Carnitine มีหน้าที่ช่วยนำกรดไขมันเข้าไปเผาผลาญในไมโตคอนเดรีย (เพื่อเปลี่ยนให้
เป็นพลังงาน) คล้ายๆสายพานลำเลียงไขมันไปเผาผลาญนั่นแหละครับ

ซึ่งไมโตคอนเดรียจะทำหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน คล้ายๆแบตเตอรี่รถยนต์ครับ
สิ่งที่ผู้ผลิตอาหารเสริมบอกกับคุณผู้ผลิตอาหารเสริมมักจะบอกว่า การได้รับ L-Carnitine ที่เพียงพอจะช่วยเผาผลาญไขมัน
ได้มากขึ้น  และจะทำให้เซลล์นำไขมันไปเผาผลาญมากขึ้นแทนที่จะสะสมเป็น 
“ไขมัน”  

ดังนั้นจึงมีความคิดที่ว่า ถ้าให้ L-Carnitine มากขึ้น ก็น่าที่จะเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น  
ดังนั้นจึงมักใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเสริมสำหรับนักกีฬาและอาหารเสริมลด
น้ำหนัก   
สิ่งที่ผู้ผลิตอาหารเสริม ไม่ได้บอกให้คุณรู้ทฤษฎีบอกว่าช่วยในการพากรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรียเพื่อใช้ในการเผาผลาญมาก
ขึ้น    แต่ความจริงในทางปฏิบัติสามารถเร่งการเผาผลาญไขมันได้จริงหรือ???

การทดลองหนึ่งในแมวอ้วน (แน่นอนครับ ไม่ใช่คน) เปรียบเทียบกับการได้รับ L-
Carnitine 250 มิลลิกรัมต่อวัน กับไม่ให้ เป็นระยะเวลา 18 สัปดาห์ พบว่าแมวอ้วนที่ได้
รับ L-Carnitine น้ำหนักลดลงได้เร็วกว่า

แต่การทดลองนี้ไม่ได้ทำในมนุษย์ครับ ซึ่งแน่นอนครับว่าสิ่งที่ได้ผลในแมว อาจไม่ได้
ผลในมนุษย์

การศึกษาว่าการให้ L-Carnitine จะสามารถช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในมนุษย์ได้จริง
หรือไม่ น้อยมาก- น้อยมากมาก  และเป็นข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่   บางการศึกษาก็บอก
ว่าไม่ช่วย   บางการศึกษาบอกว่าช่วยน้อยมากครับ

โดยปกติแล้วเราเองก็ได้รับ L-Carnitine จากอาหาร และสร้างขึ้นมาในร่างกายได้เอง 
และมีการศึกษาว่า L-Carnitine ช่วยลดน้ำหนักได้ไม่มาก จนไม่มีความสำคัญในเรื่อง
ของการลดน้ำหนัก

มีการศึกษาหนึ่งได้ทดลองให้ L-Carnitine ในหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีน้ำหนักเกิน 
13 คน และเปรียบเทียบกับยาหลอก (ไม่ได้รับ L-Carnitine) 15 คน และให้รับประทาน
อาหารเหมือนๆกัน และออกกำลังกายเหมือนกัน ไม่พบความแตกต่างในดัชนีมวลกาย

มีการศึกษาอยู่อีกการศึกษาหนึ่งที่นำหญิงอ้วน 36 ราย ให้ L-Carnitine 4 กรัมต่อวัน เป็น
ระยะเวลา 60 วัน ให้ผลไม่แตกต่างจากเม็ดแป้ง  ไม่ว่าจะเป็นผลในเรื่องของน้ำหนักตัว 
หรือดัชนีมวลกาย  แม้แต่การเผาผลาญไขมัน

โดยทั่วไปผลลัพธ์ในเรื่องของการเผาผลาญไขมันโดยใช้ L-Carnitine นั้น แทบจะไม่
ช่วยในเรื่องของการเร่งการเผาผลาญเลย  ไม่เคยมีใครลดน้ำหนักส่วนเกินในร่างกายได้
จริงโดยการรับประทาน L-Carnitine เสริมหรอกครับ

L-Carnitine ค่อนข้างที่จะปลอดภัยนะครับ และผลข้างเคียงมีน้อยมากๆ ตอนนี้ยังไม่
ปรากฏว่าทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายใดๆ   แต่อย่าลืมครับว่า “ปลอดภัย”  ก็ไม่ได้
หมายความว่า “ได้ผล”

ถ้าคุณยังเลือกที่จะใช้ L-Carnitine อยู่ ในหลายๆการศึกษาแนะนำให้รับประทานวันละ 
500 มิลลิกรัมต่อวัน  (บางการศึกษาใช้มากถึง 5000-6000 มิลลิกรัมเสียด้วยซ้ำ)

ดังนั้นถ้าคุณเห็นในสลากอาหารเสริม(ส่วนใหญ่ ) เขียนไว้ว่ามี L-Carnitine รวมอยู่เพียง
แค่ 20 ,50 หรือ 100 มิลลิกรัมแล้วล่ะก็  ปริมาณเพียงแค่นั้น….ไม่ช่วยอะไรหรอกครับ

ในขณะเดียวกัน ก็เป็นอาหารเสริมที่จัดว่า แพงมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนการผลิต เมื่อ
เปรียบเทียบกับราคา กับผลลัพธ์แล้ว ไม่มีหลักฐานใดที่สนับสนุนว่าช่วยในการลด
ไขมันส่วนเกินได้จริง  แต่ถ้าคุณจะรับประทานเพื่อหวังผลในเรื่องของสุขภาพทั่วไป
แล้ว ผมไม่ห้ามครับ
อ้างอิง-The clinical and metabolic effects of rapid weight loss in obese pet cats and the influence of 
supplemental oral L-carnitine. - Center SA - J Vet Intern Med - 01-NOV-2000; 14(6): 598-608 (From 
NIH/NLM MEDLINE)

-Carnitine does not improve weight loss outcomes in valproate-treated bipolar patients consuming an 
energy-restricted, low-fat diet. - Elmslie JL - Bipolar Disord - 01-OCT-2006; 8(5 Pt 1): 503-7 (From 
NIH/NLM MEDLINE)

-L-Carnitine supplementation combined with aerobic training does not promote weight loss in 
moderately obese women. - Villani RG - Int J Sport Nutr Exerc Metab - 01-JUN-2000; 10(2): 199-207 
(From NIH/NLM MEDLINE)

-Weight loss favorably modifies anthropometrics and reverses the metabolic syndrome in 
premenopausal women. - Lofgren IE - J Am Coll Nutr - 01-DEC-2005; 24(6): 486-93